Search

BMW กับแผนการเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในตลาดรถหรูพลังงาน...

  • Share this:

BMW กับแผนการเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า
BMW X ลงทุนแมน
รถยนต์คันแรกของ BMW เกิดขึ้นเมื่อ 93 ปีก่อน โดยมีชื่อรุ่น BMW 3/15 PS
ซึ่งเวลานั้น สร้างกระแสไปทั่วโลกเมื่อสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally

ตั้งแต่ ณ วันนั้น BMW ก็พัฒนาทั้งดีไซน์รถที่สวยหรูและเทคโนโลยีที่ถูกอัปเกรดขึ้นเรื่อย ๆ
จนกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับ Luxury แถวหน้าของโลก
ด้วยยอดขายปีละมากกว่า 2 ล้านคัน

สิ่งที่น่าสนใจคือความสำเร็จ ณ วันนี้ BMW กลับไม่ได้นิ่งเฉย
เมื่อเป้าหมายล่าสุดของ BMW ในอนาคตอันใกล้
คือต้องการเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า

รู้หรือไม่ว่า ภายในปี พ.ศ. 2568 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า
BMW จะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 25 รุ่น โดยมีถึง 12 รุ่น ที่เป็น EV Car
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นรถกลุ่ม Hybrid ประเภทต่าง ๆ

ยิ่งหากเจาะลึกเรื่องนี้ลงไปอีกจะพบว่า โรงงานผลิตของ BMW ใน 15 ประเทศทั่วโลก
ได้เปลี่ยนการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100%
จนถึงกระบวนการผลิตรถต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต

ทำไม BMW ถึงให้ความสำคัญและจริงจังกับเรื่องเหล่านี้
และหากทำสำเร็จตามแผน BMW จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก คาดการณ์ว่าในปี 2050
หากโลกยังคงมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจต้องเผชิญสารพัดวิกฤติ
เช่น หลายเมืองอาจเกิดน้ำท่วมรุนแรง, ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกตกต่ำ

แล้วหนึ่งผู้ก่อการร้ายที่ทำให้โลกร้อนก็คือ รถที่วิ่งบนท้องถนนทั่วโลก
ที่ปล่อยก๊าซ CO2 ในแต่ละปีกันอย่างมหาศาล

เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาครัฐและค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกไม่ได้นิ่งนอนใจ
เพราะต่างรู้ดีว่า หากโลกถูกทำร้ายจนวันหนึ่งทนไม่ไหว
มลพิษต่าง ๆ ที่สะสมมายาวนาน ก็จะระเบิดออกมา
แน่นอนว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างเดินหน้ามุ่งไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะนี่คือยนตรกรรมไร้ควันพิษ พร้อมทั้งรัฐบาลในแต่ละประเทศก็สนับสนุนเรื่องนี้จริงจัง

BMW ก็เชื่อว่า หากเริ่มสตาร์ตไปที่เทรนด์รถพลังงานไฟฟ้าเร็วกว่าคนอื่น ๆ
โอกาสที่จะยืนเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมรถหรูในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เหตุผลก็เพราะเมื่อถึงวันที่ท้องถนนทั่วโลกพร้อมใจไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า
BMW ก็จะมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า, ฐานลูกค้าที่มากกว่า และแบรนด์ที่คนทั่วโลกเชื่อมั่น

รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว BMW เริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว
โดยมีชื่อว่า BMW 1602e ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อทดลองไม่ได้จำหน่ายในตลาด

มาถึงในปี พ.ศ. 2551 หรือเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
BMW เริ่มหันมาจริงจังกับการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อ “Project i”
ซึ่งก็ผลิตรถออกมาหลายรุ่น พร้อมกับได้เสียงตอบรับที่ดี
จนปัจจุบันไอคอน i กลายเป็นจุดขายของ BMW ถึงการเป็นรถแห่งอนาคตไปแล้ว

ยกตัวอย่าง รุ่นที่เพิ่งเปิดจองในเมืองไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
BMW iX3 รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%
ซึ่งนอกจากระบบชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็วแค่ 34 นาทีก็ชาร์จได้ถึง 80%
และหากเราชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รถ iX3 คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร
ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

หรืออีกหนึ่งรุ่นที่สร้างกระแสให้ BMW โด่งดังไปทั่วโลก
และยังเป็นรถที่ใครหลาย ๆ คนรอให้มาเปิดขายในไทยอย่างเป็นทางการนั่นคือ BMW i4

เพราะนี่คือ Gran Coupé รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
และหากชาร์จเต็ม 1 ครั้งรถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร
พร้อมกับทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ที่น่าทึ่งก็คืออัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วินาที

ส่วนเรื่องดีไซน์การออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เรื่องนี้ไว้ใจ BMW ได้
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดีไซน์การออกแบบรถยนต์ BMW ถือว่ายืนระดับต้น ๆ ของโลก
รถตระกูล i ก็เช่นกันที่มาพร้อมสไตล์เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยการเป็นรถของคนรุ่นใหม่

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า แผนของ BMW ไม่ใช่แค่การมุ่งไปสู่ตลาดรถไฟฟ้าอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึงโรงงานและกระบวนการผลิต

ทีนี้หลายคนคงถามว่าเพราะอะไร ?
หลายคนอาจยังไม่รู้ แม้รถไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 เวลาวิ่งอยู่บนถนน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง กระบวนการผลิตอลูมิเนียมและเซลล์แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า
กลับมีแนวโน้มจะปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่ากระบวนการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาป

และเพื่อแก้ปัญหานี้ ภายในปี พ.ศ. 2573
BMW จึงมีนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80% ในการผลิตรถแต่ละคัน
พร้อมมุ่งเป้าที่จะลด carbon footprint ใน supply chain ให้ได้ 20%

การจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ นอกจากระบบบริหารสภาพแวดล้อมในโรงงาน
ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด 100% แล้วนั้น
แนวคิดรีไซเคิลก็ยังถูกนำมาใช้ อีกด้วย

ใครจะคิดว่า 99% ของเสียจากการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันในแต่ละปี
BMW จะใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลชั้นสูงเพื่อฟื้นคืนสภาพให้ไม่ต่างจากของใหม่
และวิธีนี้ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ามากหากเทียบกับต้องผลิตชิ้นส่วนใหม่

ที่น่าสนใจหากนำโรงงานผลิตรถยนต์ของ BMW มาเทียบกับค่ายรถยนต์อื่น ๆ
ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีผลปรากฏว่า BMW ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในการผลิตต่ำกว่าโรงงานอื่น ๆ

ส่วนในประเทศไทยเรา ก็มีความเป็นไปได้สูง
ที่ในอนาคตข้างหน้า BMW จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ได้ลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง
ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

หลายคนอาจตั้งคำถาม ทำไม BMW ถึงต้องลงทุนกับเรื่องเหล่านี้ด้วยเงินมหาศาล
เชื่อว่า BMW น่าจะรู้ดีว่าในอนาคตอันใกล้โลกของยนตรกรรม
ต้องเปลี่ยนถ่ายจากรถเครื่องยนต์สันดาปมาสู่รถพลังงานไฟฟ้า
หากเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น ก็จะได้เปรียบในทุกมิติการแข่งขัน

และในขณะเดียวกัน BMW มีความเชื่อที่ว่า
สิ่งแวดล้อม สังคม ธุรกิจของตัวเอง ทุกอย่างมันต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กัน..

References:
-https://www.press.bmwgroup.com/global/article/detail/T0342172EN/the-bmw-group-emphas:izes-its-consistent-focus-on-sustainability-at-the-2021-iaa-mobility:-more-stringent-co2-targe:ts-go-hand-in-hand-with-concrete-measures-and-concepts-for-implementation
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/electromobility/sustainability.html
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html
-https://car.kapook.com/view115047.html
-https://www.greenpeace.org/thailand/story/1729/1-5degrees/
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html


Tags:

About author
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้ สนใจโฆษณาติดต่อได้ที่ [email protected] Website - longtunman.com Blockdit - blockdit.com/longtunman Twitter - twitter.com/longtunman Instagram - instagram.com/longtunman Line - page.line.me/longtunman YouTube - youtube.com/longtunman
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้ ติดตาม ลงทุนแมน/Longtunman ได้ใน IG,Blockdit,Twitter,YouTube สนใจโฆษณาติดต่อได้ที่ [email protected]
View all posts